นายศิลปชัย จารุเกษมรัตนะ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กลับไปทบทวนแผนการลงทุนระบบเดินรถโครงการรถไฟฟ้า 10 สายทาง ให้สอดคล้องนโยบายของรัฐบาลในการจัดเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายทั้งระบบ จากเดิมรูปแบบ PPP Gross Cost โดยรัฐบาลจ่ายคืนเอกชนเป็นค่าจ้างรายปี เนื่องจากต้นทุนสูงและทำให้เป็นภาระรัฐบาลมากเกินไป
"รูปแบบใหม่อาจให้ รฟม.ตั้งบริษัทลูกมาลงทุนระบบ ตัวรถไฟฟ้า และบริหารจัดการเดินรถเอง วิธีเดิมที่เอกชนลงทุนจะคิดกำไรการคืนทุนอยู่ที่ 12.5% แต่ถ้ารัฐลงทุนเอง จะมีภาระต้นทุนการเงินต่ำกว่าเอกชน ซึ่งจะง่ายต่อการเก็บค่าโดยสารราคาถูก และผลักดันให้ระบบตั๋วร่วมเกิดได้เร็วขึ้น"
ทั้งนี้จากผลการวิเคราะห์ของ สนข. การดำเนินนโยบายเก็บค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายทั้งระบบ ยกเว้นรถไฟฟ้าบีทีเอส รายได้จากค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายจะครอบคลุมค่าใช้จ่ายในส่วนค่าบริหารจัดการเดินรถและซ่อมบำรุงเท่านั้น แต่ไม่ครอบคลุมค่าลงทุนงานระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ ตัวรถไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย
ทั้งนี้หากจะเปิดให้เอกชนลงทุนรูปแบบ PPP เหมือนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง (บางซื่อ-บางใหญ่) และสายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค) ที่ได้มีการว่าจ้างเอกชนลงทุนและเดินรถ ทำให้รัฐมีภาระเพิ่ม เพราะรัฐจะมีรายได้จากการจัดเก็บจากค่าโดยสารไม่เพียงพอต่อรายจ่ายที่ต้องจ้างเอกชน และส่งผลกระทบทำให้มีปัญหาขาดทุนจำนวนมาก
สำหรับความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน 4 สาย ล่าสุดได้หารือร่วมกับคณะทำงานจากประเทศจีนที่ศึกษาโครงการนำร่อง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยหารือเกี่ยวกับปัญหาและอุปสรรค ตามแผนคาดว่าจะสรุปผลการศึกษาได้ในอีก 5 เดือนข้างหน้า
เมื่อถึงตอนนั้นจะได้ข้อสรุปในเรื่องรายละเอียดโครงการ การเวนคืน ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม เงินลงทุน และการเปิดประมูลก่อสร้าง คาดว่าจะเริ่มประมูลได้ปลายปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนจะเป็นสายไหนยังต้องรอดูผลการศึกษาที่สรุปออกมาก่อน
ที่มา : 28 ส.ค. 2555 ประชาชาติธุรกิจ
TAG :รื้อใหม่ลงทุนเดินรถไฟฟ้า10สาย สั่ง"รฟม."ตั้งบริษัทลูกบริหารเร่งผลงานตั๋ว20บาท,ข่าวอสังหา,อสังหาริมทรัพย์,บ้าน,ที่อยู่อาศัย,ข่าวผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง,ข่าวก่อสร้าง,อีบิลด,eBuild,ข่าว,คอนโด,คอนโดเปิดใหม่ |