การก่อผนังคอนกรีตมวลเบา 1.ภายหลังจากได้ทำความสะอาดบริเวณที่จะทำการก่อผนังคอนกรีตมวลเบา และได้วางแนวดิ่งฉากเรียบร้อยแล้ว 2.เริ่มก่อโดยการใช้ปูนทรายทั่วไป ช่วยในการปรับระดับพื้นให้ได้ระดับเดียวกัน แล้วป้ายปูนก่อลงด้านล่างของบล็อคก้อนแรกก่อนวางก้อนบล๊อคลงบนแนวปูนทราย โดยไม่ต้องราดน้ำที่ Block แต่อย่างใด เพียงแต่ทำความสะอาดไม่ให้ฝุ่นติดอยู่ ใช้ค้อนยางและระดับน้ำช่วยจัดแนว แล้วป้ายปูนก่อบริเวณด้านข้างของก้อน ด้วยเกรียงก่อ ให้ความหนาของปูนก่อเพียง 2-3 มม. ก่อนวางก้อนที่ 2 ลงไปให้ชิดกับก้อนแรก 3.จะต้องก่อด้วยวิธีสลับแนวระหว่างแถวชั้นบนถัดไป ให้แนวที่เหลื่อมกันมีระยะไม่น้อยกว่า 10 ซม. ก่อให้ได้แนวทั้งแนวตั้งและแนวนอน โดยการขึงแนวก่อนการก่อ ป้ายรอยต่อโดยรอบก้อนด้วยปูนก่อหนา 2-3 มม. และจะต้องใส่ปูนก่อให้เต็มตลอดแนว ไม่มีโพรง โดยไม่ต้องตอกแผ่นเหล็กใดๆ เพื่อยึดก้อน Block อีก 4.การปรับแต่งบล็อค ให้ได้แนวระดับความต้องการ ควรทำให้แล้วเสร็จภายใน 5 นาที 5.ปลายก้อนที่ก่อชนเสาโครงสร้าง หรือเสาเอ็นจะต้องยึดด้วยแผ่นเหล็ก Metal Strap ยาวประมาณ 20 ซม. เข้ากับเสาด้วยตะปูคอนกรีต หรือพุกสกรูทุกระยะ 2ชั้น ของ Block 6.หากพื้นที่ของผนังมีขนาดพื้นที่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ในตาราง จะต้องมีเสาเอ็น หรือคานเอ็น ค.ส.ล. โดยใช้เหล็กเสริม 2 เส้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 ม.ม. และมีเหล็กปลอกเส้นผ่าศูนย์กลาง 6 มม. ทุกระยะ 20 ม. เหล็กเสาเอ็นจะต้องฝังลึกในพื้น หรือคานที่เป็นโครงสร้างหลัก 7.มุมกำแพงทุกมุมกรณีไม่ทำเสาเอ็น ค.ส.ล. ให้ก่อประสานเข้ามุม (Interlocking) ทั้งนี้ผนังต้องมีระยะไม่เกินตารางและปลายกำแพงที่ยื่นออกมาจากเสาเกินกว่า 1.50 ม. (ยกเว้นกรณีใช้ผนัง Block หนา 7.5 ซม. ต้องทำเสาเอ็น หรือคานเอ็น ค.ส.ล. ทุกขนาดพื้นที่ก่อไม่เกิน 10 ตร.ม.) 8.การยึดวงกบเข้ากับผนัง ให้ใช้แผ่นเหล็ก Metal Strap ยึดด้วยตะปูเข้ากับวงกบไม้ทุกชั้นของรอยต่อระหว่างชั้น Block แล้วป้ายทับด้วยปูนก่อก่อนวาง Block ลงไป แล้วอุดแนวรอยต่อข้างวงกบให้แน่นด้วยปูนก่อ(ยกเว้นกรณีใช้ผนัง Block หนา 7.5 ซ.ม. ต้องทำเสาหรือคานเอ็น ค.ส.ล. โดยรอบ) 9.สำหรับผนังความหนาตั้งแต่ 10 ซม. ขึ้นไป เหนือช่องประตูหน้าต่างหรือช่องเปิดอื่น ๆ ทุกแห่งให้ใช้ทับหลังสำเร็จรูป Lintel วางลงบนช่องเปิด ให้มีระยะพาดทั้ง 2 ด้าน ไม่น้อยกว่า 15 ซม. โดยไม่ต้องเทเสาและคานเอ็นแต่อย่างใด 10.การก่อผนังให้ก่อชนท้องคานหรือท้องพื้นทุกแห่ง โดยเว้นช่องไว้ประมาณ 1–2 ซม. แล้วอุดปูนทรายตลอดแนวและจะต้องยึดแผ่นเหล็ก Metal Strap ที่ท้องพื้นหรือท้องคานไว้ทุกระยะไม่เกิน 1.20 ม. ผนังที่ก่อสูงไม่ชนท้องคานหรือพื้นทุกแห่งจะต้องทำทับหลัง ค.ส.ล.ขนาดไม่เล็กกว่าเสาเอ็น 11.การก่อผนังที่ชนกับท้องพื้นโครงสร้างอาคาร ซึ่งมีโอกาสแอ่นตัวลงมาได้ ตามหลักการงานก่อสร้างบางประเภท เช่น พื้นระบบ Post Tension หรือโครงสร้างเหล็ก จะต้องเว้นช่องว่างที่ส่วนบนไว้ประมาณ 2 – 4 ซม. แล้วเสริมวัสดุที่มีความยืดหยุ่นตัว เช่น โฟม หรือ Fibre Glass ปิดก่อนฉาบทับ และเซาะร่องตามแนวรอยต่อ 12.การวางฝังท่อสายไฟและท่อน้ำไว้กับผนังสามารถใช้ขอเหล็กขูดออกตามแนว หรือเครื่องตัดไฟฟ้า เป็นร่องแนวลึก 2 แนวขนานกันแล้วสกัดออก ทั้งนี้ไม่ควรลึกเกิน 1 ใน 3 ของความหนาของผนัง 13.กรณีที่ทำการติดตั้งท่อร้อยสายไฟและท่อน้ำไว้ก่อน ให้ก่อผนังห่างจากแนวท่อเล็กน้อย แล้วอุดด้วยปูนทราย กรณีที่ช่องใหญ่กว่า 5 ซม. ให้เทคอนกรีตตลอดแนวท่อ หากเป็นท่อขนาดเล็กให้ใช้วิธีบากก้อน แล้วติดทับด้วยลวดตาข่าย ขนาดกว้างไม่ต่ำกว่า 20 ซม. ตลอดแนวก่อนทำการฉาบ พื้นที่สูงสุดของผนังภายในอาคาร โดยไม่ต้องมีเสาเอ็น/ทับหลัง คสล. ที่มา: http://www.qcon.co.th/qconblock.htm
TAG : |